
เคยสงสัยหรือไม่ ว่าเวลามีการนำเข้าเนื้อสัตว์ ผัก ผลไม้ หรือวัตถุดิบต่าง ๆ มาจากต่างประเทศ สิ่งเหล่านี้ทางผู้นำเข้ามีวิธีการเก็บรักษาอย่างไร เพื่อให้คงความสดใหม่ จนกระทั่งถึงวันที่ต้องนำส่งเพื่อให้ถึงมือผู้บริโภค หรือแม้กระทั่งตามห้างสรรพสินค้า มีการเก็บรักษาผลิตภัณฑ์ของสดอย่างไร คำตอบของคำถามเหล่านี้ คือสิ่งที่เรียกว่า ห้องเย็น (Cold Room)
บางท่านอาจจะมีความสับสนระหว่าง ห้อง เย็น (Cold Room) กับ ห้องคลีนรูม (Clean Room) เนื่องด้วยมีชื่อเรียกภาษาอังกฤษที่คล้ายกัน อีกทั้งยังใช้แผ่นฉนวนกันความร้อนในการก่อสร้างได้เช่นเดียวกันอีก แต่ห้องทั้งสองประเภทนี้ต่างกันโดยสิ้นเชิง
สรุปได้ง่าย ๆ คือ ทั้ง 2 ห้องนั้น มีวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน อย่างชัดเจน โดย ห้อง เย็น (Cold Room) จะนิยมใช้เก็บรักษา อาหารที่เน่าเสียง่าย ซึ่งจะแตกต่างจาก ห้องคลีนรูม (Clean Room) ที่มีวัตถุประสงค์ ในการควบคุมปัจจัยเสริมต่าง ๆ ได้แก่ ลม, อุณหภูมิ, แรงดันอากาศ, ความชื้นสัมพัทธ์ เพื่อป้องกันฝุ่นละออง เชื้อโรค และสิ่งปนเปื้อน
หลังจากที่ได้ทราบข้อมูลเบื้องต้นกันไปแล้ว FATEK Group ของเราจะขอพาทุกท่านไปพบกับข้อมูลที่ลึกมากยิ่งขึ้น กับ 3 ข้อสงสัยที่มีคนอยากรู้มากที่สุดเกี่ยวกับห้องเย็น
1. ห้องเย็น (Cold Room) คืออะไร?
ห้องเย็น (Cold Room) คือ ห้องที่ใช้ในการรักษาอาหารที่อุณหภูมิต่ำ แต่สูงกว่าจุดเยือกแข็งของอาหาร อุณหภูมิที่ใช้เพื่อสำหรับแช่เย็นในทางอตุสาหกรรมจะอยู่ระหว่าง -20 ถึง -50 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นอุณหภูมิที่สมควร สำหรับเก็บรักษาอาหารแต่ละประเภทจะต่างกัน การเก็บรักษาในห้องเย็นใช้สำหรับเก็บรักษาอาหารที่เสียง่าย (Perishable Food) ได้แก่
- เนื้อสัตว์ต่าง ๆ เช่น เนื้อวัว, เนื้อแกะ, เนื้อหมู, เครื่องในสัตว์ รวมไปถึงไข่สด เป็นต้น
- อาหารแปรรูปจากเนื้อสัตว์ เช่น ไส้กรอก, แฮม, เบคอน และแหนม เป็นต้น
- อาหารทะเล ทั้งแบบสด และแปรรูป
- ผลิตภัณฑ์จากนม เช่น น้ำนม, โยเกิร์ต และเนย เป็นต้น
- ผักสด และผลไม้สด
- อาหารสำเร็จรูปพร้อมรับประทาน
ทั้งหมดนี้เพื่อให้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ ยังคงความสดใหม่ รวมไปถึงรักษาคุณค่าทางโภชนาการ เพื่อให้ไปถึงผู้บริโภคด้วยคุณภาพสูงที่สุด โดยต้องคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ ในการสร้างห้องเย็น

2. ปัจจัยในการสร้างห้องเย็นมีอะไรบ้าง?
การสร้างห้องแข่แข็งสักห้อง ต้องคำนึงถึงปัจจัยในการสร้างหลากหลายปัจจัย เพื่อให้ตรงตามจุดประสงค์ ดังนี้
- ชนิดของผลิตภัณฑ์ที่ต้องการจัดเก็บ เช่น ผลิตภัณฑ์แบบสด, แบบแปรรูป หรือแช่แข็ง
- ลักษณะและจุดประสงค์การใช้งานห้องเย็น เพื่อจัดเก็บเพียงอย่างเดียว, ใช้ลดอุณหภูมิเพื่อรอนำผลิตภัณฑ์เข้าสู่กระบวนการต่อไป หรือหลากหลายวัตถุประสงค์ เป็นต้น
- ภาชนะที่บรรจุผลิตภัณฑ์ เช่น เปลือยเปล่าไม่มีการห่อหุ้ม ไม่มีการบรรจุในบรรจุภัณฑ์ หรือมีการห่อหุ้มบรรจุไว้ภายในบรรจุภัณฑ์
- ปริมาณในการจัดเก็บผลิตภัณฑ์ ซึ่งมีผลโดยตรงกับขนาดของห้อง และการเลือกระบบทำความเย็น
- ระยะเวลาในการจัดเก็บผลิตภัณฑ์ เพื่อให้ตรงกับจุดประสงค์ และผลิตภัณฑ์
- การหมุนเวียนอากาศภายใน เพื่อให้ตรงกับจุดประสงค์ และผลิตภัณฑ์
- อุณหภูมิและความชื้นในห้อง เพื่อให้ตรงตามวัตถุประสงค์ และเหมาะกับผลิตภัณฑ์
- อุณหภูมิของผลิตภัณฑ์เมื่อเข้ามา และเมื่อนำออก เพื่อให้ทราบว่าควรจะใช้ระบบทำความเย็นรูปแบบใด ต้องการลด, เพิ่ม หรือคงอุณหภูมิ
- การขนถ่ายผลิตภัณฑ์ รวมไปถึงความถี่ในการเปิด และปิดประตูห้องเย็น
- จำนวนพนักงาน และตารางเวลาของพนักงาน ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับห้องเย็น
- โครงสร้าง และอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น แสงสว่าง ระบบทำความเย็น รูปแบบประตู เป็นต้น
จากข้างต้นได้ทราบกันแล้วว่าต้องมีหลายปัจจัย ดังนั้นประเภทของห้องเย็นจึงต้องมีหลากหลายอย่างแน่นอน เพื่อให้สอดคล้องกับจุดประสงค์ต่าง ๆ FATEK Group จะพาทุกท่านไปรู้จักกับประเภทต่าง ๆ ของห้องเย็น

3. ห้องเย็นมีกี่ประเภท?
จะแบ่งเป็น 5 ประเภทหลัก ตามจุดประสงค์ และความเหมาะสมของผลิตภัณฑ์ ได้แก่
- ห้องเย็นพักสินค้า (Anti-Room)
ห้องชนิดนี้มีไว้สำหรับลดอุณหภูมิของผลิตภัณฑ์ก่อนที่จะส่งเข้า ห้องแช่แข็งลมเย็นจัด (Air Blast Freezer Room) หรือห้องเก็บที่มีอุณหภูมิต่ำ และยังสามารถใช้สำหรับพัก และกระจายผลิตภัณฑ์ โดยอุณหภูมิของห้องเย็นอยู่ที่ประมาณ -5 ถึง 10 องศาเซลเซียส ขึ้นอยู่กับชนิดของผลิตภัณฑ์นั้น ๆ

Source : http://www.cold-storage-project.com/
2. ห้องแช่แข็งลมเย็นจัด (Air Blast Freezer Room)
ห้องประเภทนี้มีไว้สำหรับแช่แข็งผลิตภัณฑ์ให้แข็งโดยเร็วที่สุด เพื่อไม่ทำให้เซลล์เกิดความเสียหาย โดยการแช่แข็งผลิตภัณฑ์ในแต่ละประเภทจะมีแตกต่างกัน เช่น การแช่แข็งผัก และผลไม้ จะต้องแช่แข็งด้วยความรวดเร็วไม่ทำให้ผนังเซลล์แตก ซึ่งการที่เซลล์แตก นั้นเกิดจากน้ำในเซลล์เปลี่ยนสถานะจากของเหลวเป็นของแข็งนั่นเอง หรือการแช่แข็งอาหารทะเลส่งออกจะต้องพยายามไม่ทำให้เกิดเกล็ดน้ำแข็งภายในเนื้อเซลล์ เพราะจะทำให้เซลล์ช้ำได้ ปกติแล้วห้องแช่แข็งลมเย็นจัด จะสามารถจุผลิตภัณฑ์ได้ถึง 2.5 ตัน และใช้เวลาในการแช่แข็งประมาณ 4-5 ชั่วโมง ไม่เกิน 6 ชั่วโมง อุณหภูมิของห้องอยู่ที่ประมาณ -35 องศาเซลเซียส หรือขึ้นอยู่กับผลิตภัณฑ์

3. ห้องแช่เย็นเฉียบพลัน (Air Blast Chill Room)
ห้องประเภทนี้มีไว้สำหรับลดอุณหภูมิ เพื่อควบคุมเชื้อแบคทีเรีย และเพื่อให้เชื้อเอนไซม์ย่อยเนื้อในกระบวนการผลิตเนื้อสัตว์ อีกทั้งเพื่อรอผลิตภัณฑ์เข้าสู่ขบวนการถัดไป โดยส่วนใหญ่ห้องเย็นเฉียบพลันจะมีข้อกำหนดของเวลาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย และอุณหภูมิของห้องอยู่ที่ประมาณ 2 ถึง 10 องศาเซลเซียส หรือขึ้นอยู่กับผลิตภัณฑ์

Source: patkol.com
4. ห้องแช่แข็ง (Freezer Room)
ห้องประเภทนี้เป็นห้องที่มีไว้สำหรับลดอุณหภูมิ และเก็บผลิตภัณฑ์ในช่วงเวลานาน ๆ และมีอุณหภูมิต่ำกว่าจุดเยือกแข็งของตัวผลิตภัณฑ์นั้น ๆ เช่น ปลาแช่แข็งเก็บรักษาที่อุณหภูมิ -17.8 ถึง -23.3 องศาเซลเซียส สามารถเก็บรักษาได้ระยะเวลา 8-10 เดือน โดยอุณหภูมิของห้องอยู่ที่ประมาณ -5 ถึง -25 องศาเซลเซียส หรือขึ้นอยู่กับผลิตภัณฑ์

Source: KP-Cool
5. ห้องเย็นเก็บรักษาสินค้า (Cold Storage Room)
ห้องประเภทนี้มีไว้สำหรับเก็บรักษาผลิตภัณฑ์ ซึ่งจะใช้เก็บผลิตภัณฑ์ที่ผ่านกระบวนการแช่แข็งมาแล้ว เพื่อรอการจัดส่งหรือจัดจำหน่าย โดยผลิตภัณฑ์ที่นำมาเก็บจะมีอุณหภูมิต่ำกว่า หรือเท่ากับตัวผลิตภัณฑ์ ซึ่งอุณหภูมิของห้องเย็นอยู่ที่ประมาณ -25 องศาเซลเซียส หรือขึ้นอยู่กับผลิตภัณฑ์ของห้องเก็บรักษาสินค้า

หวังว่า 3 ข้อข้างต้นจะเป็นประโยชน์ให้กับทุกท่าน เกี่ยวกับความรู้เบื้องต้นของ ห้องเย็น (Cold Room) ว่าคืออะไร? มีจุดประสงค์เพื่ออะไร? และต้องคำนึงถึงปัจจัยใดบ้างในการสร้าง? อีกทั้งมีห้องเย็นประเภทใดบ้าง? โดยเมื่อทราบจุดประสงค์ และปัจจัยในการสร้างแล้ว ก็จะทำให้ง่ายต่อการเลือกประเภท เพื่อให้ตรงต่อความต้องการนั่นเอง
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น